ชื่อเรื่อง: รายงานการใช้เอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและ
พลศึกษา (สุขศึกษา) เรื่อง สวัสดิภาพในชีวิต ของชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
โรงเรียนเมืองยาววิทยา อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง
ผู้วิจัย: นายประยูร แลกันทะ
สังกัด: สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาลำปาง เขต 1
ปีการศึกษา: 2550
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้ มีจุดประสงค์เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของเอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพละศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเมืองยาววิทยา อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง เรื่อง สวัสดิภาพในชีวิต ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2550 และเพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพละศึกษา เรื่อง สวัสดิภาพในชีวิต ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเมืองยาววิทยา โดยใช้เอกสารประกอบการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษา
ประชากรที่ศึกษาได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2550โรงเรียนเมืองยาววิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาลำปาง เขต 1 จำนวน 25 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย
1. เอกสารประกอบการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพละศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เรื่อง สวัสดิภาพในชีวิต จำนวน 3 เล่ม ได้แก่
เล่มที่ 1 เรื่อง เฉียดความเสี่ยง
เล่มที่ 2 เรื่อง หลีกเลี่ยงอันตราย
เล่มที่ 3 เรื่อง สุขภาพกับสารเสพติด
2.. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระสุขศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เรื่อง สวัสดิภาพในชีวิต เป็นแบบปรนัย ชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ ที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญและมีความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.91
การเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้ศึกษาได้ดำเนินการทดสอบเพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนเรื่อง สวัสดิภาพในชีวิต ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้น จำนวน 20 ข้อ และดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่จัดทำขึ้น ควบคู่กับเอกสารประกอบการเรียน เรื่อง สวัสดิภาพในชีวิต ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้นจำนวน 3 เล่ม 3 เรื่อง และหลังจากนั้นจึงทดสอบหลังเรียนโดยใช้แบบทดสอบชุดเดิม เสร็จแล้วนำมาวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของเอกสารประกอบการเรียน
ผลการวิจัยพบว่า
1. เอกสารประกอบการเรียนสาระการเรียนรู้สุขศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เรื่อง สวัสดิภาพในชีวิต มีประสิทธิภาพโดยรวมเท่ากับ 82.00/87.40 มีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้คือ 80/80
2. นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังใช้เอกสารประกอบการเรียนสูงกว่าก่อนใช้ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
0 ความคิดเห็น:
Post a Comment