เปิดตัว

สวัสดีครับ สมาชิกทุกท่านวันนี้เป็นวันแรกสำหรับการเปิดตัวบล็อก Popkruthai ซึ่งทางผมพยายามรวบรวมผลงานจากทุกทุกที่มาเผยแพร่และตัวกระผมเองก็ต้องขอ อนุญาตเจ้าของผลงานทุกท่านที่ผมนำเสนอไว้ ณ ที่นี้ด้วยที่ตัวนำมาเผยแพร่ต่อโดยทั้งที่บอกกล่าวและไม่บอกกล่าว ถ้าเจ้าของผลงานท่านใดไม่ต้องการให้เผยแพร่ต่อกรุณาแจ้งทันทีครับ
ผมขอขอบคุณอาจารย์และนักการศึกษาที่ท่านที่เข้ามาชมและทำการแสดงความคิดเห็นทุกท่าน

ประกาศ

ประกาศครับ ทุกท่านสามารถโพสเผยแพร่ผลงานทางวิชาการได้เลยครับ ที่กระดานข่าว
สมัครสมาชิกก่อนนะครับ

ประกาศ นักการศึกษาหรือผู้ชมท่านใดต้องการแสดงความคิดเห็นก็สามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่ tataarbo@gmail.com ขอบคุณครับ

กระดานเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ

รายการวันนี้

Friday 23 October 2009

การศึกษาการใช้ชุดการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ เรื่องประชาธิปไตยในพระพุทธศาสนา

. Friday 23 October 2009
0 ความคิดเห็น

บทคัดย่อ


ชื่อเรื่อง             การศึกษาการใช้ชุดการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ เรื่องประชาธิปไตย
                          ในพระพุทธศาสนา
ชื่อผู้วิจัย             นางสุกัลยา เสือจำศิลป์
                          โรงเรียน บางไทรวิทยา อำเภอบางไทร
ประเภทผลงาน   วิจัยในชั้นเรียน


การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของการใช้ชุดการสอน โดยการโดยเปรียบเทียบกับเกณฑ์ 80 :80 และศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความคิดเห็นของนักเรียนต่อการจัดกระบวนการเรียนรู้โดยใช้ชุดการสอนเรื่องประชาธิปไตยในพระพุทธศาสนา ประชากรในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 ที่เรียนวิชา ส 42101 สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2547 ของโรงเรียนบางไทรวิทยา อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 25 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ ชุดการสอนเรื่องประชาธิปไตยในพระพุทธศาสนา แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม จำนวน 30 ข้อ แบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการจัดกระบวนการเรียนรู้โดยใช้ชุดการสอน จำนวน 5 ข้อ การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลอง โดยมีแบบแผนการวิจัย One – Group Pretest Posttest Design สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t-test) แบบ Dependent Samples
ผลการวิจัยพบว่า การใช้ชุดการสอนในการพัฒนาทักษะการเรียนรูเรื่องประชาธิปไตยในพระพุทธศาสนา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 มีประสิทธิภาพของกระบวนการต่อประสิทธิภาพของผลลัพธ์โดยรวม เป็น 88.13 : 83.20 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ และพบว่านักเรียนมีคะแนนความก้าวหน้าสูงเกินกว่าร้อยละ 15 ของคะแนนเต็มทุกคน โดยมีผลสัมฤทธิ์หลังเรียนสูงกว่าก่อนการเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.1 นอกจากนี้ยังพบว่านักเรียนส่วนมากมีความคิดเห็นต่อการใช้ชุดการสอนอยู่ในระดับมากที่สุด ( X = 4.59, SD. = 0.34 ) ในทุกรายการที่ประเมิน

Klik disini untuk melanjutkan »»

รายงานพัฒนาการเรียนการสอนสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

.
0 ความคิดเห็น

บทคัดย่อ


ชื่อเรื่อง                 รายงานพัฒนาการเรียนการสอนสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
                             ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ชื่อผู้วิจัย               นางเบญจมาศ ดำเนิน
                             โรงเรียน วัดนาคสโมสร(โบราณญาณบำรุง) อำเภอบางไทร
ประเภทผลงาน      วิจัยเต็มรูปแบบ (5 บท)


วัตถุประสงค์ 
1. เพื่อยกระดับมาตรฐานการเรียนการสอนวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ให้สูงขึ้นใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยระดับชาติ
2. เพื่อแสวงหาวิธีการจัดกิจกรรมที่เหมาะสมในการพัฒนาการเรียนการสอน
สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
วิธีดำเนินการวิจัย 1. วิเคราะห์ปัญหาการเรียนการสอนโดยใช้กระบวนการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์
2. จัดกิจกรรมค่ายวิชาการนอกเวลาปกติวันละ 3 ชั่วโมง
3. จัดทำแบบฝึกหัด
4. จัดหาสื่อผสมเช่น เกม สถานการณ์จำลอง
5. ศึกษา ค้นคว้า ข้อมูล และหรือ สืบค้น จากคอมพิวเตอร์
ประชากร นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2547 โรงเรียนวัดนาคสโมสรฯระยะเวลา ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ถึงเดือน ธันวาคม 2547
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัย จากการจัดกิจกรรมพัฒนาการเรียนการสอนเพื่อยกระดับมาตรฐานการเรียนการสอนวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เพื่อให้ค่า (NT) สูงขึ้น และ เพื่อแสวงหาวิธีการจัดกิจกรรมการเรียนที่เหมาะสมในการพัฒนาการเรียนวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมโดยใช้แบบฝึกหัด สื่อผสม และสถานการณ์จำลอง มาสอนนักเรียนนอกเวลาเรียน ตั้งแต่ เดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2547 ผลการการจัดกิจกรรมพัฒนาคุณภาพสามารถพัฒนา การเรียนการสอนให้มีผลสัมฤทธิ์ดีขึ้น ตามหลักการและวิธีคิดที่ใช้การฝึกฝนอย่างหลากหลาย คือมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดีขึ้นจากปีการศึกษา 2546 ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 29.375 ปีการศึกษา 2547 ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 34.15 พิจารณาความต่างอย่างมีนัยสำคัญเท่ากับ 4.78

Klik disini untuk melanjutkan »»

วิธีสอนแบบศึกษาด้วยตนเอง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2547

.
0 ความคิดเห็น

บทคัดย่อ


ชื่อเรื่อง         วิธีสอนแบบศึกษาด้วยตนเอง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2547
ชื่อผู้วิจัย        นางเบญจมาศ ดำเนิน
                       โรงเรียน วัดนาคสโมสร(โบราณญาณบำรุง) อำเภอบางไทร
ประเภทผลงาน วิจัยในชั้นเรียน


วัตถุประสงค์ 1. เพื่อทราบระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในวิชาสังคมศึกษา
2. เพื่อศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
หลังเรียนวิชา สังคมศึกษาโดยใช้วิธีสอนแบบศึกษาด้วยตนเอง
วิธีการดำเนินการวิจัย 1. ศึกษาหลักสูตร เป้าหมายและผลการเรียนรู้ของวิชาสังคมศึกษา
2. จัดทำแผนการสอนโดยกำหนดให้มีวิธีสอนแบบศึกษาด้วยตนเอง
3. จัดกลุ่มนักเรียนเพื่อเรียนรู้และศึกษาค้นคว้าตามแหล่งเรียนรู้ด้วยตนเอง
4. สร้างแบบทดสอบ
5. จัดทำสื่อเพื่อใช้ในการพัฒนาการเรียนรู้
6. จัดกิจกรรมการเรียนด้วยวิธีสอนแบบศึกษาด้วยตนเอง
7. ทดสอบหลังเรียน
8. วิเคราะห์ผลการการทดสอบ
ประชากร นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดนาคสโมสร ฯ จำนวน 6 คน ชาย 4 คน หญิง 2 คน
ระยะเวลาในการทำวิจัย ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2547
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัย ผลการวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากวิธีสอนแบบศึกษาด้วยตนเองของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2547 พบว่ามีค่าคะแนนเฉลี่ย 40.384 ซึ่งสูงกว่า ค่าการวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน NT ปีการศึกษา 2546 ที่มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 29.375 กล่าวอย่างมีนัยสำคัญว่าค่าเฉลี่ยสูงขึ้นเท่ากับ 11.009 ซึ่งถือว่าเป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง และสมควรที่จะมีวิธีการสอนแบบศึกษาด้วยตนเองอีกต่อไป

Klik disini untuk melanjutkan »»

การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

.
0 ความคิดเห็น


บทคัดย่อ


เรื่อง          การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

   วิชา   ส 0210  ประวัติศาสตร์ยุคประชาธิปไตย  เรื่อง  การเปลี่ยนแปลงการปกครองของไทย 
   ..2475
ชื่อผู้วิจัย   นางคนึงนิจ   วิภารัตน์                   
โรงเรียน    ผักไห่  สุทธาประมุข”                   อำเภอผักไห่        
ประเภทผลงาน     วิจัยในชั้นเรียน

                                การวิจัยครั้งนี้  เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ก่อนเรียนและหลังเรียนวิชา  ส0210 เรื่องการเปลี่ยนแปลงการปกครองของไทย พ..2475) โดยใช้     วิธีสอนแบบแบ่งกลุ่มทำงาน
                                กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้น ม.3/1  ภาคเรียนที่ 2               ปีการศึกษา 2546  โรงเรียนผักไห่ สุทธาประมุข”  จำนวน 35 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบทดสอบที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น สถิติที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล  ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย                         ส่วนเบี่ยงมาตรฐาน และทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยด้วย  t-test
                                ผลการวิจัย  พบว่า
                                1.  การประเมินผลก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยวิธีสอนแบบแบ่งกลุ่มทำงานหลังสอนมีผลทางการเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ผลทางสถิติที่ระดับนัยสำคัญ  0.01
                                2.  การประเมินผลหลังเรียนด้วยวิธีสอนแบบแบ่งกลุ่มทำงาน มีค่าการกระจายของคะแนนน้อยกว่า การประเมินผลก่อนเรียน
                                3. วิธีสอนแบบแบ่งกลุ่มทำงาน เพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนให้สูงขึ้นและยังทำให้นักเรียนสามารถบรรลุจุดประสงค์การเรียนได้ในระดับที่ใกล้เคียงกัน

Klik disini untuk melanjutkan »»
 
Namablogkamu is proudly powered by Blogger.com | Template by o-om.com | Gorgeous Beaches of Goa